จาม 1 ครั้ง แพร่เชื้อได้ 150 คน!!

by kadocom @2-7-52 08.51 ( IP : 202...18 ) | Tags : มุมวิชาการ
photo  , 200x200 pixel , 36,967 bytes.

การจาม เป็นกลไกของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เพื่อกำจัดสิ่งแปลกปลอมที่ทำให้เกิดการระคายเคืองในโพรงจมูก สาเหตุที่ทำให้จามอาจเกิดจากไข้หวัด ภูมิแพ้ หรือการระคายเคืองต่างๆ เช่น ควันบุหรี่ มลพิษ น้ำหอม หรืออากาศเย็น


      จะสังเกตได้ว่าก่อนที่จะจาม เราจะรู้สึกว่าคันในจมูก จะมีการส่ง “สัญญาณคัน” ที่ว่านี้ขึ้นไปยังสมอง จากนั้นสมองจะสั่งให้เกิดการจามขึ้น เพื่อขับเอาสิ่งที่ระคายเคืองออกไปจากร่างกาย


      ในการจามแต่ละครั้ง กล้ามเนื้อต่อไปนี้จะทำงานร่วมกัน ได้แก่ กล้ามเนื้อส่วนท้อง กล้ามเนื้อหน้าอก กะบังลม กล้ามเนื้อที่ควบคุมสายเสียง กล้ามเนื้อด้านหลังลำคอ และกล้ามเนื้อเปลือกตา (เราจึงไม่สามารถจามทั้งที่ยังลืมตาได้ ลองสังเกตตัวเองเวลาจามครั้งต่อไป ว่ากล้ามเนื้อเหล่านี้ทำงานร่วมกันอย่างไร)


      สาเหตุที่ทำให้จาม นอกจากไข้หวัด ภูมิแพ้ และการระคายเคืองต่างๆ แล้ว มีการวิจัยในอังกฤษที่พบว่า คนบางกลุ่มจะจามออกมาโดยไม่รู้ตัวเมื่อคิดถึงเรื่องทางเพศ


      งานวิจัยดังกล่าวอ้างข้อมูลจากชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่มีปัญหาว่าไม่สามารถควบคุมการจามได้เมื่อคิดถึงการมีเพศสัมพันธ์ นอกจากนี้ยังมีข้อมูลจากห้องสนทนาในอินเทอร์เน็ต ว่ามีคนทั้งหมด 17 คนที่เล่าว่าจะจามทันทีเมื่อคิดถึงการมีเพศสัมพันธ์ และมีบางคนที่จามหลังจากถึงจุดสุดยอด


      แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหู คอ จมูก ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมวิจัยสันนิษฐานว่า อาจมีคนที่มีอาการแบบนี้มากกว่าที่คิด แต่อายจึงไม่กล้าเปิดเผย และอาจเป็นสิ่งที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม


      แพทย์ผู้วิจัยอธิบายว่า การจามเกิดขึ้นเมื่อมีการกระตุ้นปลายประสาทในจมูก ทำให้ระบบประสาทอัตโนมัติทำงาน ระบบประสาทอัตโนมัติเป็นระบบประสาทในสมองที่อยู่เหนือการควบคุมของจิตใจ ทำหน้าที่ควบคุมการเต้นของหัวใจและการควบคุมม่านตา การจามเมื่อนึกถึงเรื่องเพศอาจเป็นเพราะสัญญาณในระบบประสาทอัตโนมัติเกิดความสับสน


      แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหู คอ จมูก จากเกาะอังกฤษอีกท่านหนึ่งกล่าวว่า อาจเป็นไปได้ที่คนเราจะจามเวลาที่คิดถึงเรื่องเพศ โดยอธิบายว่า ช่วงที่เกิดการกระตุ้นทางเพศนั้น ระบบประสาทจะส่งสัญญาณไปกระตุ้นอวัยวะสืบพันธุ์ของชายและหญิง


      ในโพรงจมูกของคนเราก็มีเนื้อเยื่อที่ “ยุบหนอ พองหนอ” ได้คล้ายๆ กับอวัยวะเพศเช่นกัน การกระตุ้นทางเพศจึงอาจทำให้เนื้อเยื่อในโพรงจมูกแข็งตัวขึ้นและเกิดความรู้สึกอยากจามขึ้นมา อาการนี้เรียกว่า “จมูกอักเสบน้ำผึ้งพระจันทร์ (Honeymoon Rhinitis)” เป็นอาการคัดจมูกในระหว่างมีเพศสัมพันธ์หรือมีความต้องการทางเพศ


      นอกจากนี้ ยังมีรายงานที่ระบุว่าประมาณ 18 - 35% ของประชากรโลกจะมีอาการจามเมื่อเจอกับแสงแดด อาการแบบนี้เรียกว่าการจามที่เกี่ยวกับแสง ซึ่งถ่ายทอดมาทางกรรมพันธุ์ อาการจามเมื่อเจอแดดมักจะเกิดขึ้นเมื่ออยู่ในความมืดประมาณ 5 นาทีแล้วออกไปเจอแดด เมื่อแสงแดดกระทบกับประสาทตา จะทำให้เกิดการตอบสนองไปที่เส้นประสาทในจมูก ซึ่งจะทำให้จาม การตอบสนองนี้เรียกว่า "Photic Sneeze Reflex"


      อาจมีบางครั้งที่เราจามบ่อยๆ หรือแม้กระทั่งจามติดๆ กันหลายครั้งจนตัวเองรำคาญ หรือเกรงว่าจะทำให้ผู้คนรอบข้างพลอยรังเกียจไปด้วย หลายคนแก้ปัญหาด้วยการกินยาแก้แพ้ ซึ่งอาจทำให้ง่วงซึมได้ หากต้องขับขี่ยานพาหนะหรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรก็ต้องพึงระวัง


      ที่สำคัญก็คือไม่ควรกลั้นจาม เพราะจะทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้ เนื่องจากอัตราความเร็วในการจามแต่ละครั้งนั้นสูงถึง 150 - 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยทีเดียว การกลั้นจามจะทำให้เกิดแรงอัดอากาศภายใน อาจทำให้เยื่อแก้วหูแตกหรือเป็นรูได้


      วิธีที่ดีที่สุด คือ อยากจามก็จาม แต่อย่าลืมปิดปากเวลาจามด้วยก็แล้วกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากคุณจามเพราะเป็นไข้หวัด ซึ่งจะทำให้เชื้อไวรัสที่อยู่ในหยดเมือกที่ออกมากับการจาม แพร่กระจายไปสู่ผู้อื่น


      ผลงานวิจัยในประเทศอังกฤษระบุว่า หากมีคนจามในรถโดยสารสาธารณะ 1 ครั้งโดยไม่ปิดปาก จะมีละอองออกมาถึง 100,000 หยด ด้วยความเร็ว 90 ไมล์ต่อชั่วโมง


      การจามของคนแพร่เชื้อ 1 ครั้ง ภายใน 5 นาที สามารถทำให้ผู้ร่วมรถโดยสารติดเชื้อได้ถึง 150 คน และถ้าเชื้อไม่กระเด็นไปโดนผู้คนรอบข้าง มันก็จะตกลงบนพื้นรถหรือติดอยู่ตามราวจับ คนที่ใช้รถโดยสารอย่างน้อย 10% มีโอกาสสัมผัสเชื้อโรคนั้น หากมีภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง ก็จะติดเชื้อนั้น


      คนที่ไม่มีผ้าเช็ดหน้าหรือกระดาษทิชชู ก็มักจะจามใส่มือตัวเอง หลังจากนั้นก็ไปหยิบจับสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ คนที่จับตามหลัง หากไม่ล้างมือ ก็มีโอกาสติดเชื้อได้ กระทรวงสาธารณสุขของสหรัฐอเมริกาได้รณรงค์ฝึกฝนคนอเมริกันให้จามอย่างถูกวิธี โดยเริ่มสอนกันมาตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งจะทำให้คนอื่นๆ ที่อยู่รอบตัวติดหวัดจากการจามน้อยที่สุด


      วิธีการก็คือ ก่อนจามให้ยกแขนข้างใดข้างหนึ่งขึ้นมาจับไหล่ของตัวเองฝั่งตรงกันข้าม ถ้าแขนขวาก็จับไหล่ซ้าย ถ้าแขนซ้ายก็จับไหล่ขวา จากนั้นให้ยกมุมข้อศอกขึ้นมาปิดปากและจมูกตัวเองก่อนแล้วค่อยจาม วิธีนี้จะทำให้ละอองน้ำลายไม่กระเด็นไปไหน และมือก็ไม่เปื้อนเชื้อโรคด้วย


      ถ้ายังไม่เคยชินกับวิธีดังกล่าว อย่างน้อยๆ ก็ควรหาผ้าเช็ดหน้าหรือกระดาษทิชชูปิดปากไว้เวลาจาม แล้วทิ้งถังขยะให้เป็นที่เป็นทาง ช่วงนี้ไข้หวัดกำลังระบาด ช่วยกันลดการแพร่เชื้อโรคด้วยการจามให้ถูกวิธีค่ะ






ที่มา: หนังสือพิมพ์ASTV ผู้จัดการ

http://www.thaihealth.or.th/node/9925

นายแพทย์ธวัช ลาพินี ผู้อำนวยการโรงพยาบาล